เราเดินทางมาถึง บ้านร่องกล้า ตอนเย็น ก็เตรียมพักหนึ่งคืน
เพื่อพรุ่งนี้ จะได้มาขึ้นรถแต่เช้ามืด ขึ้นภูลมโลกัน
"กม. 0 บ้านร่องกล้า" คือจุดที่จุมาขึ้นรถบริการขึ้นภูลมโล
วันนี้ มาสายไปหน่อยนะ ฟ้าสว่างแล้ว
ได้ชมบรรยกาศแสงสี ของดวงอาทิตย์ ตอนที่พ้นเขาไปแล้ว
งดงามไปอีกแบบ
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นพ้นเขาไป รถกระบะ ก็จะพาเราไปชม "ภูลมโล" ที่ชมพูหวานไปด้วย "ซากุระไทย" หรือดอก "นางพญาเสือโคร่ง"
วันนี้ เราได้อากาศเย็นสบายใจ ก็เลยอดเจอแสงแดด ยิ่งตอนที่เค้าไปจอดในจุดที่อยู่ในหุบเขา...
บางจุดที่มีแสงแดดส่อง จะรีบขอให้จอดสักหน่อย
ดังนั้น การได้เหมารถไปกับเพื่อน หรือคนกันเอง ก็จะขอให้จอดที่ต่างๆ ได้สะดวกหน่อย
ไม่งั้น จะต้องคำนึงถึงคนอื่นๆ ที่นั่งรถมาด้วยกัน
ยืนที่กระบะรถ ส่องไปทางดอก "ซากุระ" ที่ต้องแสงแดด สูงๆ ลิบๆ
จะได้ภาพแบบนี้มา.. หวาน.. ใช่ไหมละคะ
จุดที่กำหนดอีกจุด คือจุดที่สามารถมองเห็นหุบเขาที่ชมพูหวานไปทั้งหุบเขา
ชมพูหวานๆ ของ "ซากุระ" จะหวานเท่ารักของเราไหม...
"ภูลมโล" ตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า
บนรอยต่อของสามจังหวัดคือ เลย เพชรบูรณ์ และพิษณุโลก
ชื่อภูลมโลมีที่มา 2 ทางด้วยกัน คือ ทางชาวบ้านกกสะทอน(ทางฝั่งเลย) ให้ข้อมูลว่า ภูลมโล เป็นภาษาถิ่น หมายถึงภู(ยอดเขา)
ที่มีลมพัดผ่านเยอะ พัดผ่านมาก โดยคำว่า“โล” ในภาษาถิ่น หมายถึง มาก หรือ เยอะ
ซึ่งหากจะพูดรวมๆให้ฟังเข้าใจง่ายก็คือ “ภูลมโล เป็นภูที่มีลมแรงพัดผ่านอยู่ตลอด”(ทั้งปี)
ส่วนข้อมูลจากชาวม้งบ้านร่องกล้า(ทางฝั่งพิษณุโลก) บอกกับผมว่า ภูลมโล มาจากชื่อที่สมัยก่อนชาวบ้านเรียกเขาลูกนี้ว่า “ภูลงรู”
หรือที่ภาษาม้งเรียกว่า“ตร๊งลงรู” อันหมายถึง ภูเขาที่มีน้ำไหลลงรู ก่อนที่ภายหลังจะเรียกเพี้ยนเป็น “ภูลมโล”
ซึ่งที่มาของชื่อนี้มาจากการที่ภูเขาลูกนี้(เคย)มีตาน้ำไหลหายลงไปในรู ชาวบ้านเมื่อเดินป่ามาถึง
ก็จะใช้ประโยชน์จากตาน้ำแห่งนี้(mgronline)
พยายามดั้นด้น ไปให้ใกล้ ต้นไม้มากที่สุด.. ยากอยู่..
เรื่องและภาพโดย patarin_b
www.goodysite.com