วิวสวยๆ จากระเบียงหน้าห้องพัก แล้วก็รีบลงไปทานมื้อเช้าของโรงแรม
เช้านี้ เลือกเมนู "เฝอ" ของแท้ต้นตำรับ ไม่ต้องปรุงอะไร เพื่อชิมความเป็นต้นตำรับของเค้า หอมน้ำซุป เส้นนุ่ม อร่อยมาก
เช้านี้ ทานแค่นี้ เพราะอิ่ม อิ่มสะสมหลายมื้อ อิ่มจากเมื่อคืน กิกิ แล้วก็เตรียมเดินทาง ต้องนั่งรถไปขึ้นกระเช้า ที่ห่างออกไปประมาณ 10 นาที
หลังคาของบ้านแถวนี้ มีมอสขึ้นเต็ม แสดงว่า อากาศเย็นสบายดีมาก คงจะเย็นทั้งปี แต่วันที่เรามาไม่เย็นอ่า...
เมื่อขึ้นรถ ไกด์ก็แจกบัตร เพื่อนั่งกระเช้า ห้ามทิ้ง ห้ามทำหาย เพราะรวมบุฟเฟต์อาหารกลางวันด้วย บัตรนี้ราคา 1,500 บาท
ใช้เวลา 10 นาที เราก็มาถึงจุดที่จะขึ้นกระเช้ากัน
จากจุดจอดรถบัส เราต้องเดินต่อไปอีก ระยะนึง ประมาณ 1 กิโลเมตร
มีสวนสวยๆ
หอนาฬิกา และทางเข้าจุดขึ้นกระเช้า
มีที่เดินเล่น ฝึกการทรงตัวด้วย น่ารักดี
ร้านค้ารายทาง
สินค้าอะไรมากมาย หลากหลาย แต่เราไม่มีเวลาแวะ ต้องรีบเดินตามไกด์ ตามกำหนดเวลา
ร้านชา กาแฟ น่ารักดี
ใกล้จะถึงจุดขึ้นกระเช้าแล้ว มองเห็น "Fasipan Legend" สวยมาก สวนหน้าโรงแรม ก็ตกแต่งอย่างสวยงาม
ทิวเขารายล้อมที่พัก สวยงามมาก เหมือนหนึ่งว่าอยู่ในยุโรปจริงๆ
หน้าทางเข้า มีศาลเจ้า สถาปัตย์สวยงาม
นักท่องเที่ยวเยอะมากค่ะ ต่อแถวยาวไป
แถวยาวมากจริงๆ
แล้วก็ได้ขึ้นกระเช้า มุ่งสู่ยอดเขา "ฟานซิปัน" ที่เมฆหมอก ปกคลุม
เรากำลังมุ่งหน้าสู่ม่านหมอก
หุบเขา และหมู่บ้านข้างล่าง สวยจัง
เข้าเขตเขาสูง เข้าสู่ม่านหมอกแล้ว การนั่งกระเช้าขึ้นเขาฟานซิปัน ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที
เมื่อกระเช้าไปถึง จะมีจุดพัก ร้านอาหาร เพื่อรอขึ้นรถราง หรือเดินขึ้นยอดเขาอีกจุด สายหมอกข้างนอก หนามาก ไกด์แจกเสื้อกันฝนค่ะ เพราะฝนลง หมอกลง
อารมณ์แบบนี้ท่ามกลางหมอกหนา อุณหภูมิอยู่ที่ 17 องศาเซลเซียส ลมแรง หมอกหนา ฝนปรอยๆ มือเย็นเฉียบ แต่ก็ไม่ถอย ไม่กลัวกล้อง ไม่กลัวมือถือเปียก ต้องเก็บภาพก่อน
แต่ละคนฟินกันมาก เพราะอากาศแบบนี้ ชอบค่ะ ชื่นใจจริงๆ
จะเสียใจก็ตรงเห็นองค์พระ หรือเจดีย์ไม่ชัด แต่ได้บรรยากาศในหมอกแบบนี้ ก็ฟินอีกแบบ
แล้วก็หมดเวลา ต้องกลับละ คิดในใจ ถ้ามีโอกาส ต้องกลับมาอีกครั้งนะคะ มาฤดูหนาว
ลงมาที่จุดพัก ดื่มกาแฟร้อนๆ เช็ดกล้อง เช็ดมือถือ แล้วเตรียมตัวกลับลงกระเช้า เห็นหนุ่มยืนมองสายหมอก ต้องบอกลาละนะ "ฟานซิปัน"
เข้าแถวรอกระเช้า อากาศเย็นๆ พร้อมสายหมอก ฟินดี
กระเช้าในหมอกหนา.. ชอบอะ .. ตรงนี้อากาศเย็น 17 องศา ชอบฝุดๆ
กลับลงมาพันเมฆหมอกแล้ว มองลงไปข้างล่าง กลางหุบเขา เป็นนาขั้นบันไดของชาวบ้าน สวยงาม
เมื่อลงจากกระเช้า จะต้องผ่านโซนร้านขายของที่ระลึก
สินค้าที่ระลึกมากมาย หลายแบบ
ภาพนาขั้นบันได สวยจัง เสียดายที่ไม่ได้ ลงไปเดินนาขั้นบันได ใครจะไปซาปา หาโอกาส หรือคุยกับไกด์ดูนะคะ
"ฟานซิปัน" เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศเวียดนาม จนได้ฉายาว่า "หลังคาแห่งอินโดจีน (Roof of Indochina)" มีความสูงกว่า 3,143 เมตร หรือ 10,312 ฟุต เหนือระดับน้ำทะเล (ดอยอินทนนท์ของไทย มีความสูง 2,565 เมตร) อยู่ห่างจากเมืองซาปา 9 กิโลเมตร
ความสวยงามของ ยอดเขาฟานซิปัน และเมืองซาปา สวยงามทุกฤดู เราคงไม่ได้มาทุกฤดู ดูความงามจากภาพนี้ทดแทนก่อน
จากโซนร้านของที่ระลึก เราก็จะมาถึงโซนทานอาหารกลางวันแบบบุฟเฟต์ ไลน์อาหารตระการตา
อาหารเยอะมาก กินไม่ครบเลยอะ อิ่มซะแร่วววว
ส่วนนี้ บาบีคิว คิวก็ยาว เลยไม่ได้รอ
บ๊ะจ่างหรือเปล่าไม่รู้ ขอผ่านก่อน
ส่วนอันนี้ มีที่เมืองไทย เคยทาน "ข้าวต้มมัดญวน" ถ้าอยู่ กทม ต้องไปซื้อที่วัดสามเสน
ดูไลน์อาหารแล้ว ไปดูที่นั่งดีกว่า เดินออกมานอกอาคารอาหาร เป็นลานโล่ง เห็นทิวเขา และลมเย็นดีมาก
เราเลือกนั่งด้านนอก รับอากาศเต็มๆ ก่อนที่จะกลับ
มุมนี้ฟินมาก ลมเย็นๆ จากทิวเขา พร้อมวิวสวยงาม
อิ่มแล้ว หมดเวลาแล้ว ต้องกลับแล้ว
ชอบจัง "ฟานซิปัน - ซาปา" มีโอกาสจะมาอีกจร้า
รอเก็บภาพไม่ได้ เพราะรั้งท้ายขบวนทัวร์แล้ว ต้องเก็บภาพติดผู้คนมาแบบนี้ คิวไม่ว่างสักที 555
ลงจากเขาฟานซิปัน เราก็มุ่งหน้าเข้าฮานอย คืนนี้ไปพักที่โรงแรมเดิม London, Hanoian Hotel ใช้เวลาประมาณ 5-6 ชั่วโมง ไปถึงโรงแรมก็ทานมื้อเย็น
เข้าห้องพัก แล้วออกไปเดินเล่น วันนี้ ฝนไม่ตก ร้านรวง รอบโรงแรมคึกคักดี แล้วเราก็เจอร้านนี้ "ร้านขนมไทย"
เดินร้อนๆ ต่างแดน เห็นร้านขนมไทย ตื่นเต้น เลยแวะทานกัน ราคาต่อถ้วย อยู่ที่ 25,000 ดอง หรือประมาณ 38 บาท ราคาเท่าๆ กับเมืองไทย ผู้คนล้นร้าน เข้า-ออกตลอด ดีใจ ที่เค้าชอบขนมไทยของเรา
เรื่องและภาพโดย goodysite
www.goodysite.com
เรื่องราวในทริป "เวียดนามอีกครั้ง"
เวียดนามอีกครั้ง 1 ออกเดินทางสู่เมืองฮานอย
เวียดนามอีกครั้ง 2 ไปหมู่บ้านกั๊ตกั๊ต
เวียดนามอีกครั้ง 3 เมืองซาปา
เวียดนามอีกครั้ง 4 ยอดเขา ฟานซิปัน
เวียดนามอีกครั้ง 5 ฮาลองเบย์
เวียดนามอีกครั้ง 6 สุสานลุงโฮ และถนน 36 สาย